ความตั้งใจหลักของ WhatsApp คือการมอบความสามารถในการสื่อสารอย่างเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้สามพันล้านคนทั่วโลก ขณะที่แอปของเราพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการส่งข้อความทางธุรกิจ ฟีเจอร์ช่อง และ Meta AI ด้วยนั้น เราจึงอยากตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำงานของฟีเจอร์เหล่านี้ รวมถึงวิธีที่เราพัฒนาการปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณอย่างต่อเนื่อง
ไม่ได้ เราไม่สามารถดูข้อความส่วนตัวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นข้อความแบบตัวต่อตัวหรือแชทกลุ่มกับเพื่อน ครอบครัว เพื่อนร่วมชั้น หรือกับบุคคลอื่นก็ตาม เราปกป้องข้อความเหล่านี้ด้วยการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทางโดยใช้โปรโตคอล Signal ซึ่งรักษาความปลอดภัยให้กับข้อความก่อนที่จะออกจากอุปกรณ์ของคุณ หมายความว่าผู้ที่ไม่ได้อยู่ในแชทจะไม่สามารถอ่าน ฟัง หรือแชร์ได้ แม้แต่ WhatsApp หรือ Meta เอง คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทางได้ที่นี่
การเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทางมีความแตกต่างออกไปบางประการสำหรับการส่งข้อความทางธุรกิจและ Meta AI ซึ่งเราจะอธิบายด้านล่างนี้
เนื่องด้วยธรรมชาติของการดำเนินธุรกิจ เราจึงทำให้ WhatsApp มีความแตกต่างกันระหว่างการรับส่งข้อความส่วนตัวและการรับส่งข้อความทางธุรกิจ แทนที่จะส่งข้อความจากโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ธุรกิจมักจะมีการดำเนินการที่ซับซ้อนกว่านั้น โดยอนุญาตให้ผู้ใช้หลายคนพร้อมกับฝ่ายสนับสนุนลูกค้า AI ตอบคำถามต่างๆ ของลูกค้า และยังต้องมีพื้นที่สำหรับจัดเก็บและตอบกลับข้อความอีกด้วย
หลายธุรกิจเลือก Meta เป็นผู้ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงไม่ถือว่าข้อความเหล่านี้ได้รับการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง
เราได้สร้างโซลูชันดังกล่าวเนื่องจากผู้คนต้องการสื่อสารกับธุรกิจบน WhatsApp ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็วกว่าและเป็นทางเลือกที่เป็นส่วนตัวกว่าอีเมลหรือการโทรหาธุรกิจ
โปรดจำไว้ว่าเมื่อคุณสื่อสารกับธุรกิจ ธุรกิจสามารถนำข้อมูลที่คุณให้ไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดของธุรกิจเองได้ ซึ่งอาจรวมถึงการนำไปใช้กับการโฆษณาบน Meta ด้วย เมื่อธุรกิจใช้บริการของ Meta เราจะแสดงข้อความระบบสีฟ้าภายในแชทนั้นๆ เพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้
เราไม่สามารถดูเนื้อหาของข้อความส่วนตัวได้ เนื่องจากข้อความส่วนตัวได้รับการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง นอกจากนั้น เราจะไม่เก็บบันทึกข้อมูลบุคคลที่ผู้ใช้ส่งข้อความถึงหรือโทรหา เราเชื่อว่าการเก็บบันทึกข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้สามพันล้านคนอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อความเป็นส่วนตัว เราจึงไม่เก็บข้อมูลดังกล่าว
เรามีความสามารถในการทำความเข้าใจวิธีที่ผู้ใช้ใช้งานฟีเจอร์ของเรา ซึ่งทำให้เราสามารถปรับปรุงฟีเจอร์เหล่านั้นได้ และเรายังตั้งเป้าลบรายละเอียดส่วนตัวอีกด้วยเมื่อเราดำเนินการดังกล่าว เราได้สร้างเทคโนโลยีที่ลบรายละเอียดส่วนตัวที่สามารถเชื่อมโยงกับบุคคลหรือหมายเลขโทรศัพท์ที่เฉพาะเจาะจงได้ ตามที่อธิบายไว้ที่นี่
เรายังทำงานเพื่อตรวจจับสแปมหรือการใช้งานในทางที่ผิดผ่านระบบและรายงานอัตโนมัติขั้นสูง ตัวอย่างเช่น การที่ผู้ใช้รายหนึ่งส่งข้อความ 1,000 ข้อความใน 1 นาที แสดงว่ากรณีนี้น่าจะเป็นบัญชีสแปมอัตโนมัติ และเราต้องการแบนเพื่อไม่ให้ใช้ WhatsApp ในกรณีการใช้งานในทางที่ผิดลักษณะนี้ เรามีความสามารถเพื่อดูว่าใครเป็นผู้ส่งข้อความถึงใครหลังจากมีการระบุปัญหาแล้ว
เนื่องจากเรามีความสามารถนี้ บางครั้งเราจึงได้รับคำสั่งตามกฎหมายให้ส่งมอบข้อมูลดังกล่าว เรามีความโปร่งใสเกี่ยวกับวิธีที่เราตอบสนองต่อคำขอที่ถูกต้องจากผู้บังคับใช้กฎหมาย และคุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่นี่
เราไม่สามารถดูข้อความที่ส่งในกลุ่มกับเพื่อนและครอบครัวได้ เนื่องจากเป็นข้อความที่ได้รับการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทางเช่นเดียวกัน
แต่เราทราบว่าหมายเลขโทรศัพท์ใดเป็นของกลุ่มใด ซึ่งทำให้เราสามารถส่งข้อความได้ถูกที่ เรายังทราบชื่อ คำอธิบาย และรูปโปรไฟล์ของกลุ่มอีกด้วย (หากมี) เราใช้ข้อมูลนี้เพื่อแบนกลุ่มที่เราคิดว่ามีการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การแชร์สื่อที่ละเมิดทางเพศเด็ก คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่นี่
เราใช้ที่อยู่ IP และหมายเลขโทรศัพท์ของคุณเพื่อประเมินตำแหน่งทั่วไป (ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่แน่นอน) ของคุณ เช่น ประเทศหรือเมือง เพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์อย่างการชำระเงิน หรือเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับท้องถิ่น
นอกจากนั้น คุณยังมีความสามารถในการแชร์ตำแหน่งที่แน่นอนของคุณให้กับผู้อื่นในแชทได้ ฟีเจอร์นี้ใช้ตำแหน่ง GPS จริงของคุณและได้รับการปกป้องด้วยการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง ดังนั้นทั้ง WhatsApp หรือ Meta จึงไม่สามารถดูได้
การเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทางทำให้ไม่มีใครดูข้อความส่วนตัวของคุณได้ ซึ่งรวมถึง WhatsApp และ Meta เราใช้เทคโนโลยีของ Meta เพื่อสนับสนุนผู้คนทั่วโลกด้วยบริการที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ อย่างไรก็ตาม มีการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวใน WhatsApp เพื่อไม่ให้แอปอื่นๆ ของ Meta ใช้งานได้ ซึ่งรวมถึงสำหรับการโฆษณาด้วย เว้นแต่ว่าจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์หนึ่งใน 3 รายการต่อไปนี้ 1) เพื่อระบุจำนวนคนที่เราให้บริการ ซึ่งเราต้องดำเนินการนี้เนื่องจากเราเป็นบริษัทมหาชนและเราจำเป็นต้องรายงานข้อมูลนี้ 2) เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ ซึ่งเราคิดว่ามีความสำคัญ และ 3) เพื่อมอบฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ให้คุณ เช่น การชำระเงิน, Meta AI หรือศูนย์บัญชี ที่ใช้งานได้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Meta คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่นี่
หากต้องการ คุณสามารถเพิ่มบัญชี WhatsApp ไปยังศูนย์บัญชีที่มีบัญชี Facebook หรือ Instagram อยู่แล้วได้ ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์เสริมที่ช่วยเสริมประสบการณ์การใช้งานแบบเชื่อมต่อระหว่างแอป การเชื่อมโยงบัญชีจะทำให้คุณสามารถแชร์สถานะที่คุณสร้างบน WhatsApp ไปยังสตอรี่บน Facebook หรือ Instagram ได้ง่ายๆ และคุณยังสามารถปรับแต่ง Meta AI ได้มากขึ้นด้วยข้อมูลที่คุณแชร์กับแอปเหล่านั้น แอปอื่นๆ ของ Meta จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับคุณเพื่อเปิดประสบการณ์การใช้งานเหล่านี้ เราขอย้ำว่าข้อความและการโทรส่วนตัวของคุณยังคงได้รับการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง และจะไม่มีการนำไปใช้สำหรับการโฆษณา
ผู้คนตื่นเต้นที่จะได้ทดลองและสำรวจความเป็นไปได้ของการใช้ Meta AI และ WhatsApp ก็เป็นหนึ่งในช่องทางยอดนิยมให้ผู้คนทั่วโลกมีส่วนร่วมกับ AI ซึ่งคุณจะเลือกใช้งาน Meta AI หรือไม่ก็ได้บน WhatsApp คุณจะต้องดำเนินการเพื่อเริ่มต้นการสนทนาด้วยการเปิดแชทหรือส่งข้อความถึง AI หากคุณเลือกแชทกับ Meta AI ไม่ว่าจะโดยตรงหรือในกลุ่ม Meta จะได้รับสิ่งที่คุณหรือผู้อื่นส่งให้ และเช่นเคย ข้อความส่วนตัวของคุณได้รับการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทางและ Meta AI จะไม่สามารถดูได้
คุณสามารถใช้ WhatsApp ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมกับ Meta AI ซึ่งหมายความว่า Meta AI จะไม่ทราบข้อมูลใดๆ เลย แต่ทันทีที่คุณเริ่มส่งข้อความถึง Meta AI กรณีนี้จะทำให้ Meta AI เรียนรู้ในสิ่งที่คุณส่งให้ คล้ายกับการที่คุณส่งข้อความถึงบุคคลหรือธุรกิจ ดังนั้นคุณควรส่งเฉพาะสิ่งที่คุณรู้สึกสบายใจที่จะให้ Meta AI จดจำเท่านั้น Meta AI จะ 'เปิด' ใช้งานเฉพาะเมื่อคุณเลือกส่งข้อความถึงเท่านั้น และมีเพียงคุณหรือสมาชิกกลุ่มที่จะเริ่มการใช้งานได้ โดยที่ Meta หรือ WhatsApp ไม่สามารถเริ่มการใช้งาน Meta AI ได้ เราได้สร้างการควบคุมความเป็นส่วนตัวหลายรายการสำหรับผู้ที่ส่งข้อความถึง Meta AI คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่นี่
นอกจากนี้ เรายังพัฒนาบุกเบิกวิธีให้ผู้คนใช้ความสามารถของ AI ในลักษณะที่รักษาความเป็นส่วนตัว เพื่อนำเสนอสรุปใจความสำคัญของข้อความที่เป็นประโยชน์ และเพื่อให้ใช้เครื่องมือ AI อื่นๆ ได้โดยที่ WhatsApp หรือ Meta ไม่สามารถอ่านได้
หากคุณใช้ WhatsApp เพื่อส่งข้อความถึงเพื่อนและครอบครัวเท่านั้น คุณจะไม่เห็นโฆษณาใดๆ หากคุณใช้แท็บอัปเดต เราจะแสดง "ช่องที่ได้รับการโปรโมท" ให้คุณเห็น รวมถึงแสดงธุรกิจที่คุณสามารถส่งข้อความหาได้ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ลงโฆษณาในสถานะ ในกรณีนี้ ข้อมูลที่ใช้เพื่อแสดงโฆษณาจะขึ้นอยู่กับข้อมูลบางอย่าง เช่น ประเทศหรือเมือง ภาษา ช่องที่คุณกำลังติดตาม และวิธีการที่คุณโต้ตอบกับโฆษณาที่คุณเห็น หากคุณเลือกเชื่อมโยงบัญชี WhatsApp กับ Facebook และ Instagram เราจะใช้ข้อมูลจากบัญชีดังกล่าวอีกด้วย จะไม่มีการนำข้อความส่วนตัวของคุณไปใช้กับการโฆษณา ไม่ว่าในกรณีใดๆ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่นี่
เราไม่ได้ฟังการสนทนาของคุณ ข้อความ การโทร และสถานะส่วนตัวของคุณได้รับการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง WhatsApp หรือ Meta ไม่สามารถดูหรือฟังได้ และเราไม่ได้ใช้ข้อความดังกล่าวเพื่อแสดงโฆษณาให้คุณ
แน่นอน พันธกิจหลักของเราคือการปกป้องสิทธิในการสนทนาอย่างเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เราได้ยืนหยัดต่อสู้กับรัฐบาลที่พยายามหาสิทธิ์เข้าถึงในทางลับเพื่อเข้าสู่ระบบของเรา หรือพยายามลดความเป็นส่วนตัวลงด้วยวิธีที่ผิดอื่นๆ เช่น "การสแกนข้อมูลบนอุปกรณ์ของผู้ใช้" (Client-Side Scanning) และ "การตรวจสอบย้อนกลับ" (Traceability)
นอกจากนั้น ทีมของเรายังประสบความสำเร็จในการระบุและต้านทานการโจมตีระบบและผู้ใช้ของเรา และเรากำลังดำเนินการเพื่อเอาผิดกับผู้โจมตีเหล่านั้น WhatsApp เป็นองค์กรแรกที่ประสบความสำเร็จในการฟ้องร้องเอาผิดบริษัทสปายแวร์เชิงพาณิชย์ภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา จากความพยายามสอดแนมอุปกรณ์มือถือของผู้ใช้ นับเป็นการดำเนินการที่สำคัญในการแสวงหาความยุติธรรมและการป้องกันการโจมตีในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเราหรือบริษัททางเทคโนโลยีอื่นๆ ก็ตาม
เราจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเป็นส่วนตัวของคุณต่อไป
